ยินดีต้อนรับ








































9/14/2553

เกาหลีกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอันแสนโรแมนติก ตุุลาคม - พ.ย.

สีสันของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวตามภูเขา ความงดงามตามธรรมชาติที่ใบไม้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ นานา ที่ฝันอยากเห็นป่าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเพลิงทั้งป่า บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรป ช่วงที่อากาศไม่หนาวมากกำลังสบาย ตั้งแต่เดือนตุลาคม ใบไม้เปลี่ยนสีเตรียมทิ้งใบเข้าสู่หน้าหนาว ที่น่าไปเยือนอย่างยิ่ง








คาบสมุทรเกาหลีประกอบไปด้วยภูเขาถึง 70% เป็นการยากที่จะบ่งบอกได้ว่าภูเขาลูกไหนที่มีใบไม้สีสันสวยน่าเที่ยวสถานที่ที่แนะนำได้ก็คือภูเขาที่มีสีสันฉูดฉาดมากที่สุด


ชาวเกาหลีนิยมเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดระหว่างเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ขึ้นอยู่กับความสูงของภูเขา นั่นคือ ที่ภาคตะวันออกของประเทศ-คังวังโด-เมืองซกโซ สถานที่ตั้งวนอุทยานแห่งชาติโซรัคซาน จัดได้ว่าเป็นแนวเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี ประกอบด้วย โฮซอรัก เนซอรัก และนักซอรัก เทือกเขาแนวนอกแนวใน และแนวใต้มีหุบเขาที่มีดอกไม้บานสะพรั่งทั้งฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง








ภูเขาโซรัคซานมีความงามเฉพาะตัวตลอดปีอยู่แล้ว แต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงที่งดงามที่สุด นักท่องเที่ยวจะชอบเดินทางกันในช่วงนี้ เพื่อชมความงามของใบไม้สีต่างๆ ประมาณเดือนตุลาคม ทั่วทั้งบริเวณใบไม้จะกลายเป็นสีแดงและสีเหลือง


นั่งกระเช้าไฟฟ้าชมความงามของวนอุทยานแห่งชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาสี่ฤดู และสวิตเซอร์แลนด์ของเกาหลีที่ปราสาทควางคึมซอง เขาโซรัคตั้งอยู่ใจกลางภูเขาแทแบค ซึ่งทอดยาวไปถึงเขาคึมคังของประเทศเกาหลีเหนือ มีเทือกเขา ป่าไม้ หุบเขา สายน้ำ ทะเลสาบ หินรูปร่างต่างๆ ที่สวยงามซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่หาดูได้ยากยิ่ง ซึ่งเป็นตำนานที่เล่าขานและจุดกำเนิดเพลงอารีดัง


ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้จะรับรู้ความรู้สึกของพลังเกาหลีที่ความฝันจะติดปีกโบยบิน ด้วยอารมณ์อันดื่มด่ำ กับเทศกาลฤดูกาลท่องเที่ยวที่รื่นเริงอันมีสีสันด้วยความทันสมัย ผสมผสานกับประวัติศาสตร์โบราณได้อย่างกลมกลืน




นักท่องเที่ยวไทยผู้หนึ่งที่เคยไปเยือนที่นี่ ได้บรรยายไว้ว่า “เข้าไปในอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน อากาศเย็นๆ เลียบลำธารน้ำใส มีป่าเปลี่ยนสีมาพร้อมกับแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ วิวโค้งลำธารสวยงาม มองจากเคเบิลคาร์สวยสุดใจ มีใบไม้ร่วง ใบเมเปิ้ลแดงเป็นระยะๆ เดินไปเรื่อยๆ เข้าไปในป่าเย็น ประทับใจสุดๆ ในช่วงเช้าจะพบความแจ่มใสกับสายหมอก ได้ชมแล้วไม่อยากกลับบ้านเลย หัวใจถูกทิ้งไว้ที่ซอรัคซานแล้ว”

















9/13/2553

백지영(Baek Ji Young) - 잊지 말아요(Don't Forget) Iris O.S.T

9/01/2553

มารู้จัก บิ๊กบอสแห่ง Facebook อายุ 20 ปี

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเจ้าของ Facebook.com เศรษฐีที่เด็กที่รวยเร็วที่สุดในโลก

ความเป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์ทั่วไป  ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วัยหนุ่มด้วยอายุเพียง  ๒๐ ปี  เท่านั้นเขาสร้างเนื้อสร้างตัวรวยเร็วที่สุด  เท่าที่นิตยสาร  Forbes เคยทำการสำรวจมาในหมู่ผู้ที่สร้างความร่ำรวยด้วยตนเอง  !! ราคาหุ้นมีมูลค่าสูงกว่า  ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท  ขึ้นแท่นเป็น มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดอันดับหนึ่งของโลก  ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้ง ของตนเอง  โดยใช้เวลาเพียงแค่  ๖ ปี เท่านั้นเอง !! หนุ่มผู้ที่กล่าวถึงนี้  คือ   มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก !! ผู้สร้าง   Facebook.com  ให้โลกได้รู้จัก  และเป็นเครือข่าย สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้ใช้
กันมากที่สุดในโลกขณะนี้
มารู้จักกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก  สักเล็กน้อย









มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก  (Mark Elliot Zuckerberg) มีเชื้อสายยิว – อเมริกัน  เกิดเมื่อวันที่ ๑๔  พฤษภาคม  ๒๕๒๗  (ปัจจุบันอายุ๒๖ ปี)  (คนเก่งระดับโลก เช่น ไอน์สไตน์, ฟอน บราวน์ เป็นต้น มักมี เชื้อสายยิว – ผู้เขียน) เติบโตในย่าน  Dobbs Ferry  นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เข้าศึกษาระดับมัธยมที่ Ardsley High School และจบมัธยมปลาย ที่ Phillips Exeter Academy ในปี  ๒๕๔๕

สมัยเรียนไฮสกูล  ซักเคอร์เบิร์กหัดเป็นโปรแกรมเมอร์ ตั้งแต่อยู่ชั้น  ป. ๖  เขากับเพื่อนสร้าง  
โปรแกรมสำหรับเรียนรู้นิสัยการฟังเพลงของผู้ใช้  Winamp  และ  MP3  และเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทางอินเตอร์เน็ต ซัคเกอร์เบิร์กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด หยุดเรียนไป  กลางคัน และกลับมาลงทะเบียนเรียนอีกครั้งในปี ๒๕๔๙  ที่ฮาร์เวิร์ด ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มต้นโครงการวิจัยหรือโปรเจ็กต์ชิ้นแรกกับเพื่อนร่วมห้อง Arie Hasit ชื่อของโปรเจ็กต์นี้คือ Coursematch เป็นบริการที่เปิดให้นักศึกษาสามารถดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้

โปรเจ็กต์ต่อมาคือ Facemash.com เว็บไซต์โหวตรูปนักศึกษาฮาร์เวิร์ดว่าใครได้รับความนิยมชมชอบมากหรือน้อ แต่แล้วเมื่อโปรเจ็กต์นี้ให้บริการจริงบนโลกออนไลน์เพียง ๔ ชั่วโมง มหาวิทยาลัยก็ลงดาบระงับการใช้อินเทอร์เน็ตของซัคเกอร์เบิร์ก ด้วยข้อหาว่าโปรเจ็กต์นี้ของซัคเกอร์เบิร์กละเมิดนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้และเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย

ซัคเกอร์เบิร์กคลอดบริการนาม Facebook จากห้องพักตัวเองในมหาวิทยาลัยด้วยฤกษ์วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ บางแหล่งข่าวระบุว่าซัคเกอร์เบอร์เขียน โปรแกรม FaceBook ชุดดั้งเดิมในเวลาไม่ถึง ๒ สัปดาห์คราวนี้ไม่ใช่บริการโหวตรูปหรือบริการแสดงรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น แต่เป็นบริการที่ให้นักศึกษาสามารถโพสต์ข้อมูลของตัวเองได้เท่าที่ต้องการ

  


แน่นอนว่าเฟสบุ้กได้รับความนิยมถล่มทลายในฮาร์เวิร์ด นักศึกษาราว ๒ ใน ๓ แห่ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่ ๒ สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ต่อมาซัคเกอร์เบิร์กและเพื่อน Dustin Moskovitz เริ่มขยายบริการเฟสบุ้กไปยังมหาวิทยาลัยอื่น เช่น สแตนฟอร์ด โคลัมเบีย และเยล โดยราว ๔ เดือนสถานศึกษาที่ใช้บริการ Facebook มีจำนวนราว ๓๐ แห่ง เมื่ออะไรก็ไปได้สวย ซัคเกอร์เบิร์กตกลงใจเดินทางไป Palo Alto แคลิฟอร์เนียพร้อม Moskovitz และกลุ่มเพื่อนช่วงฤดูร้อนปี ๒๕๔๗ ทั้งกลุ่มวางแผนกลับฮาร์เวิร์ดให้ทันฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อไป และขาดเรียนที่ฮาร์เวิร์ดตั้งแต่นั้น
Facebook นั้น เป็นที่รู้จักในนามบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้ใช้แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียวกันแบบรวดเร็วทันใจ  และเข้าถึงทั้งข้อมูลแฟ้มภาพถ่ายเมื่อครั้งไปเที่ยว ภาพยนตร์ที่ชอบ และประวัติส่วนตัวทั่วไปต่างจากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่ Facebook เป็นชุมชนในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง ใช้ชื่อ Email เดียวกันและต้องการทำความรู้จักคนอื่น ในสังคมเดียวกัน ทั้งหมดนี้โดนใจชาวอเมริกันที่กระตือรือร้นอยากจะรู้จักคนอื่นในสังคมเดียวกันให้มากขึ้น
ซัคเกอร์เบิร์กได้พบกับ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ PayPal ซึ่งให้ทุนก้อนแรกมา ๕ แสนเหรียญ  สำนักงาน Facebookแห่งแรกจึงกำเนิดขึ้นที่ University Avenue ในตัวเมือง Palo Alto  นับจากนั้นไม่กี่เดือน ปัจจุบัน Facebook มีอาคารสำนักงานในเมือง Palo Altoจำนวน ๔ อาคาร ซึ่งซัคเกอร์เบิร์กเรียกว่า “urban campus” หรืออาณาจักรวิทยาลัย

จดหมายเปิดผนึกจาก  Mark Zuckerberg  เมื่อวันที่  ๒ ธันวาคม  ๒๕๕๒ ที่น่าสนใจ  เพื่อทราบแนวทางในการพัฒนา Facebook ในอนาคต



ลักษณะการทำงานของ  Facebook

Facebook  เปิดตัวในปี พ.ศ. ๒๕๔๗  โดย มาร์ก ซักเกอร์ เบิร์ก  ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยแค่  ๒๐ ปี จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง  “ฮาร์วาร์ด”


เขาร่วมมือกับเพื่อนอีก ๒ คน คิดค้นสร้าง เครือข่ายภายในรั้วมหาวิทยาลัยโดยให้นักศึกษาที่สนใจสามารถเข้ามาอัพเดตและ แบ่งปันข้อมูลส่วนตัวและ


รูปภาพได้ จนได้รับความนิยมมากขึ้น จากภายในมหาวิทยาลัยกระจายสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ และขยายกลุ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วโลกเข้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า ๒๔ ล้านคน  เฉลี่ยมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า๑๐๐,๐๐๐ รายต่อวัน


ลักษณะการทำงานของ  Facebook
มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหาและถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของ  Facebook ทันที ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์ เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ ต่อไปได้ โดยใน Facebook จะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกันมา พูดคุย ติดต่อ เมาท์ หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้
บางคนอาจคิดว่า Facebook เหมือนกับ  My space  เว็บไซต์เครือข่ายออนไลน์ที่ฮอตอยู่ในขณะนี้   แต่  Facebook มีมากกว่านั้นความโดดเด่นของ  Facebook คือผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริงและอีเมล์เดียวกันในการลงทะเบียนและมีความต้องการที่จะรู้จักคนอื่นที่มีตัวตนจริง ๆ บนโลกใบนี้
นักวิจัยจากสถาบันแห่งหนึ่งจากอังกฤษกล่าวว่า Facebook  ยอดเยี่ยมกว่า My space เพราะเหมาะสำหรับ “เด็กดี” ขณะที่  My space เหมาะสำหรับ ขาร็อก ฮิปฮอป ศิลปิน หรือคนทำงาน





ความร้อนแรง และความหอมหวานของ Facebook ทำให้บริษัท ออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ของโลกอย่าง Yahoo.com เสนอซื้อกิจการด้วยมูลค่า สูงลิ่วถึง $ ๑.๖ พันล้าน แต่ได้รับการปฏิเสธจาก Mark Zuckerberg ก่อนหน้านี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ยักษ์ใหญ่ Search Engine อย่าง Google ก็อยากได้ Facebook มาไว้ในครอบครอง   ด้วยการยื่นข้อเสนอทุ่ม  ๒.๖ พันล้าน ดอลล่าสหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ดูท่าทีของ CEO Zuckerberg แล้ว ยังอยากเก็บหุ้นส่วน และบริษัทของตัวเองไว้มากกว่า
จากการทุ่มเสนอซื้อ Facebook ของ Google ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่าราคาสูงกว่า ที่เคยซื้อ Youtube มากทีเดียว   ซึ่งเดิมที Google ได้ซื้อ Youtube มาด้วยราคา $ ๑.๖๕ พันล้าน

ขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์

บิลล์ เกตส์  ผู้สร้างตำนานลาออกจากมหาวิทยาลัย  เพื่อมาก่อตั้งไมโครซอฟท์  เป็นนักลงทุนรายแรก ที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน  ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  แลกกับหุ้นเฟชบุ๊กเพียงแค่  ๑.๖  %  เมื่อปลายปี  ๒๕๕๐ต้งแต่เฟซบุ๊กให้บริการมาได้แค่ ๓ ปี และมีผู้ใช้บริการเพียง ๕๐ ล้านคนขณะนั้น  รายได้ของเฟซบุ๊กก็ยังไม่มากมายเท่าทุกวันนี้  โดยสามารถทำเงินเพียง  ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และมีสินทรัพย์รวมไม่ถึง  ๒๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระนั้น การตัดสินใจของไมโครซอฟท์หนุนส่งให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น  ๑,๕๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในชั่วข้ามคืน ช่วงเวลานั้น  มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า  ไมโครซอฟท์คงกินยาผิด ถึงได้ตัดสินใจขี่ช้างจับตั้กแตนขนาดนั้น  แต่นักวิเคราะห์ที่รู้จริงกลับเดาทาง ถูกว่า  เงินแค่ ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก  เมื่อเทียบกับ สิ่งที่ไมโครซอฟท์หมายมั่นปั้นมือ

นั่นคือ  การแลกกับสินทรัพย์มหาศาลที่มองไม่เห็นในงบดุล  จากการเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนหลายสิบหลายร้อนล้านคนของ Facebook โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ  และลูกค้าในวัยหนุ่มสาว ซึ่งไมโครซอฟท์ยังเข้าไม่ถึง

ขายหุ้นให้กับ  DST  สัญชาติรัสเซีย

นอกจากนี้  ดีลประวัติศาสตร์อีกครั้งของ  Facebook  ก็คือตกลง ขายหุ้นนิดหน่อยให้กับกลุ่มนักลงทุนอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ สัญชาติรัสเซีย ”ดิจิตอล สกาย เทคโนโลยีส์”  หรือ  DST  เพื่อแลกกับการเจาะตลาด Facebook ในแถบรัสเซีย และยุโรปตะวันออก  ซึ่ง  DST เป็นเจ้าของธุรกิจ และนายทุนใหญ่คุมตลาดอินเตอร์เน็ตทั้งภูมิภาคดังกล่าว
ดีลประวัติศาสตร์นี้ ตกลงกันสำเร็จเมื่อเดือน พฤษภาคม ปีที่แล้ว โดยฝ่ายนายทุนหมีขาวใจป้ำยินดีจ่ายเงิน  ๒๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  แลก เปลี่ยนกับหุ้นบุริมสิทธิแค่  ๑.๙๖ %  ของหุ้น Facebook  ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่า รวม  ๑๐,๐๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  พร้อมรับปากว่าจะไม่มีตัวแทนในบอร์ด บริหารและไม่ก้าวก่ายเรื่องการบริหาร  ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญของ Facebook  ตลอดมา

ชีวิตส่วนตัว ของ Mark  Zuckerberg

ถึงแม้จะร่ำรวยทั้งเงินทองและชื่อเสียงชนิดหาตัวจับยาก  แต่ทุกวันนี้  CEO หนุ่มแห่ง  Facebook  ยังคงใช้ชีวิตสมถะไม่แตกต่างจากเดิมเขาชอบสวมสเวตเตอร์เชิ้ตสีน้ำตาล กับกางเกงสแล็กสีกากีง่าย ๆ และรองเท้าแตะอาดิดาสคู่โปรดยังคงเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่ใกล้ออฟฟิศทำงานย่าน พาโล อัลโต  ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์  ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  เหมือนเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งFacebook ใหม่ ๆ  ภายในห้องมีแค่ฟูกนอนราคาถูก  โต๊ะทำงานตัวเดียว กับเก้าอี้สองตัว

ส่วนอาหารเช้าของมหาเศรษฐี  ก็ยังเป็นซีเรียลใส่นมในชามกระดาษกับช้อนพลาสติก และใครจะเชื่อว่าเขายังขี่จักรยาน หรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน !!!
Credit : ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Mewic's ISLAND
499454-topic-ix-0.jpg

ไปเที่ยวเกาหลีซื้ออะไรเป็นของฝากดี : รวมลิสต์รายการของฝากยอดฮิตจากเกาหลี

ไปเกาหลีซื้ออะไรดีน๊า??






โสมเกาหลี (GINSENG)






ตำราทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หยางของจีน กล่าวไว้ว่า โสม ที่มีคุณภาพดีที่สุดอยู่ใน เกาหลี โสม เกาหลี จึงมีราคาสูงเป็นพิเศษ เพราะเป็น โสม บำรุงพลังวังชาดั่งยาทิพย์ เพาะปลูกได้ยากมากไม่เพียงแต่มันโตช้ามาก แต่พื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกจะต้องถูกทิ้งไว้นานถึง 15 ปี หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์อาหารสมุนไพรต่างๆ เช่น ชาโสม ผงโสมยอดนิยมหรือ โสมสกัดเข้มข้น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่คำนึงถึงสุขภาพ






การเลือกซื้อโสม ควรเลือกซื้อจากบริษัทผู้ผลิตที่มีคุณภาพรับรองอย่างถูกต้อง โสมแท้ คุณภาพดีต้องมีรสชาติขม ชุ่มคอ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ควรเก็บไว้ในที่เย็น (ไม่ใช่เย็นจัด) ไม่ควรโดนแดด ความร้อนและความชื้นสูง เพราะจะเสียคุณค่าและอาจเกิดการเปลี่ยนสภาพของตัว โสม เอง




รากของ โสม ที่นำมาผ่านขั้นตอนกรรมวิธีในการผลิตต่าง ๆ แล้วจะมีหลายประเภท เช่น ประเภท รากโสม รากโสมผสมน้ำผึ้ง โสมเป็นไซรับ โสมเป็นผง หรือโสมที่บรรจุเป็นแคปซูล






1. รากโสม รากโสม จะเป็นราก ๆ ที่บรรจุใส่กล่องเหล็กมีประมาณ 15 ตัวขึ้นไป นิยมนำมาต้มโดยใส่ประมาณ 1-2 ราก ต่อน้ำ 3 แก้ว แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่ควรต้มในหม้อเหล็ก) ระวังอย่าให้ตัว โสม ไหม้ พอ โสม อ่อนตัวลงก็นำมาใช้ประกอบอาหารได้ตามอัธยาศัย เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการใช้ปรุงอาหาร ดองเหล้า บำรุงผู้ป่วยหลังการพักฟื้นจากการผ่าตัดหรือคลอดบุตร เสริมสร้างเม็ดเลือดเพื่อให้โลหิตไหลเวียนคล่อง






2. รากโสมผสมน้ำผึ้ง รากโสมผสมน้ำผึ้ง นี้ จะบรรจุในพลาสติก แล้วนำใส่กล่องเหล็กอีกที วิธีใช้คือ นำรากน้ำผึ้งมาหั่นบางๆ ประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วเคี้ยวทานได้เลย เคี้ยวได้หลายครั้งในแต่ละวัน พยายามเคี้ยวอย่างสม่ำเสมอ หรือจะเอาชิ้นที่หั่นบางๆนั้น มาใส่เครื่องดื่มที่ท่านโปรดปรานก็ได้ เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการบำรุงสมอง บำรุงสายตา ลดอาการปวดศรีษะ ช่วยบำรุงเลือด กามตายด้าน






3. โสมที่เป็นไซรับ หรือคล้ายน้ำผึ้งอันนี้ จะถูกบรรจุใส่ขวดแก้วแล้วนำมาบรรจุใส่กล่องไม้อีกทีหนึ่ง วิธีใช้ก็คือ ใช้ช้อนที่บรรจุด้านในตัก โสม สกัดด้านในแค่ 1 ช้อน ใส่ลงในน้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมน้ำผึ้งบริสุทธิ์ คนให้เข้ากัน แล้วดื่มทาน ดื่มวันละประมาณ 2-3 ครั้ง






4. โสมผง โสมผง จะมีลักษณะเป็นสีขาว ที่ถูกบรรจุใส่ขวดพลาสติกทึบ วิธีใช้ก็คือ ตักโสมผง 1 ช้อน ลงในน้ำร้อนแล้วใส่น้ำตาล หรือน้ำผึ้งเพื่อ ปรับรสชาติให้น่าทาน หรือว่าจะตักโสมผง 1 ช้อนลงในเครื่องดื่มที่ท่านชอบก็ได้ รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง สำหรับท่านสุภาพสตรี โสมผง ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงผิวพรรณได้ด้วย โดยนำเอาส่วนไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง และตักโสมผง 1 ช้อน จากนั้นตีเข้าด้วยกัน หั่นแตงกวาออกเป็นชิ้นบางๆ นำมาชุบในส่วนผสมให้หมาดๆ แล้วพอกไว้ที่หน้าประมาณ 15-20 นาที สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้ผิวพรรณดีขึ้น รักษาสิวฝ้า และโรคผิวหนังบริเวณใบหน้า เหมาสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หืดหอบ หรือผู้ที่ไอเรื้อรัง เนื่องจากการสูบบุหรี่ บรรเทาอาการหายใจไม่คร่อง บำรุงตับและไต ใช้พอกหน้าให้หน้าใสสะอาดและรักษาสิว






5. โสมเม็ด แล้วบรรจุใส่ในกล่องกระดาษแข็งอีกครั้ง โสมเม็ด นี้จะถูกบรรจุลงในขวด แล้วบรรจุใส่ในกล่องกระดาษอีกครั้ง โสมเม็ด นี้จะเหมาะสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก เพราะสามารถนำมาทานได้ทันที รับประทานครั้งละ 1-3 เม็ด ขึ้นอยู่กับขนาดของแคปซูล เหมาะสำหรับผู้ที่แขนขาไม่มีแรงปวดเมื่อยเอวและขา มดลูกอ่อนแอ กามตายด้าน และยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย










กิมจิ (KIMJI)






กิมจิ จัดว่าเป็นเครื่องเคียงประจำโต๊ะสำหรับอาหารเกาหลีทุกมื้อก็ว่าได้ คู่กับข้าวสวยร้อนๆ กิมจิเป็นอาหารประเภทหมักดอง ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีส่วนของเครื่องปรุงที่ประกอบด้วย ผักต่างๆ ซอสมีรสเค็ม พริกแดงและกระเทียมผสมคลุกเคล้ากันอย่างดีจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น และประเพณีการปรุงของแต่ละภาค กิมจิ มีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย กิมจิน้ำ และกิมจิผักกาดขาว เป็นที่นิยมในฤดูใบไม้ผลิ กิมจิแตงกวาสอดไส้ และกิมจิยอดหัวไช้เท้าอ่อน สำหรับฤดูร้อน ส่วนกิมจิหัวกะหล่ำ กิมจิหัวไช้ท้าว และ กิมจิอัลตาริ จะนิยมรับประทานในฤดูใบไม้ร่วง สำหรับ กิมจิ หลากหลายชนิดนั้นจะพบได้ในฤดูหนาว ซึ่งจะเก็บกักตุนไว้เรียกว่า กิมจัง






การเลือกซื้อกิมจิ หากต้องการแบบสดและธรรมชาติ ควรซื้อกลับในวันที่กลับบ้านเพื่อการเก็บรักษาที่นานขึ้น เนื่องจาก กิมจิ จะเก็บไว้ในตู้เย็นไม่เกิน 2 เดือน หากเก็บในช่องน้ำแข็งของตู้เย็นจะมีอายุนานขึ้น ที่สำคัญควรชิมรสชาติว่าถูกใจหรือไม่










สาหร่ายหิน (DOLGIM)






กิม ในภาษา เกาหลี คือสาหร่าย สาหร่ายเกาหลี ถือว่าเป็นแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับผู้รักสุขภาพ เนื่องจากว่า ปัจจุบันนี้น้ำและอากาศที่ทำให้เกิดมลภาวะอากาศเป็นพิษ ประเทศ เกาหลี ใต้มีสภาพภูมิประทศเป็นภูเขาถึงร้อยละ 70 จึงมีน้ำแร่ธรรมชาติอยู่ทั่วไปของประเทศ โดยเฉพาะในเขตทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ น้ำแร่เหล่านี้ จะชำระแร่ธาตุต่างๆ ของดิน ลงไปยังทะเล สาหร่ายป่าธรรมชาติเหล่านี้ จะได้รับสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ เมื่อเรารับประทานสาหร่ายเราจะได้รับแร่ธาตุสารอาหารที่จะช่วยให้เลือดของเราเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งหมายถึงสุขภาพที่ดี ช่วยต่อต้านความเหนื่อยล้าและความกดดันในชีวิตประจำวัน สาหร่าย มีมากมายหลายประเภท แต่ประเภทที่นิยมบริโภคมากที่สุดคือ สาหร่ายอบแห้งโดกิม เพราะต้องผ่านการอบด้วยน้ำมันงาที่บริสุทธิ์และเกลืออนามัยในอุณหภูมิที่ความร้อนสูง ถือว่าเป็นอาการสุดยอดชนิดหนึ่งเนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการที่สูง เนื่องจากช่วยลดแคลอสเอตโรลเป็นแหล่งวิตามินบี 5 และ บี 2 บี 1 และบี รวม รวมถึงแร่เหล็ก ซึ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจ สำหรับใครก็ตามที่ทานสาหร่ายอบแห้งกรอบเพื่อสุขภาพนี้ ประมาณ 1 กิโลกรัม หมายถึงการบริโภคผักสดประมาณ 5 กิโลกรัม และ สาหร่ายของเกาหลี มีความแตกต่างจากญี่ปุ่นในเรื่องของการผลิตที่ใช้น้ำมันงาและเกลือในการแต่งรส ส่วนญี่ปุ่นจะใช้ซอสในการแต่งรส






การเลือกซื้อสาหร่าย ควรเลือกซื้อชนิดที่แห้งกรอบผ่านการอบและปรุงด้วยสารธรรมชาติบริสุทธิ์ของน้ำมันงาหรือเกลือเท่านั้น โดยไม่มีการปรุงแต่งหรือใช้สารกันบูด เพื่อการเก็บไว้บริโภคได้นานในประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย ควรฝากเพื่อนช่วยแนะนำเพราะเนื่องจากมีหลากหลายยี่ห้อ หลายคุณภาพ หลายราคามาก เหมือนกับการซื้อโสม เกาหลี ในประเทศ เกาหลี








ไวน์และสุราเกาหลี (TRADITIONAL LIQUORS & WINES)






เบียร์ของ เกาหลี และโซจู เป็นเหล้ากลั่นชนิดหนึ่งที่นิยม คุณอยากจะลองเหล้าโดยเฉพาะแบบโบราณของ เกาหลี ก็ได้เช้น ซองจู ไวน์ที่ทำจากข้าวรสเข้มข้น อิมขัมจู เหล้าผสมโสมและมักคอลลี่ ไวน์รสอ่อนที่ทำมาจากข้าวคล้ายกระแช่ของไทย เป็นต้น และแต่ละจังหวัดก็มีเหล้าพิเศษของตนเอง มุนแบจู – โซล, อิกางจู - จังหวัดซอลลาบุก-โด, อันดองโซจู – อันดอง, เคียงจูป๊อปจู-จังหวัดเคียงซางบก-โด, ชางกุนจู-วอนจู, แพจิลจู-คงจู เหล่านี้เป็นบรรดาเหล้าที่ขึ้นชื่อของแต่ละท้องถิ่น






การเลือกซื้อ ควรลองซื้อขวดเล็กชิมดูก่อน และส่วนมาก เหล้าเกาหลี จะทำมาจากข้าว ผลไม้ เป็นสำคัญ ราคาขึ้นอยู่กับความนุ่ม กลมกล่อม และความนิยม












ผ้าและเสื้อผ้า






เกาหลี ผลิตทั้งผ้าและเสื้อผ้าสำเร็จรูปคุณภาพดี ทำจากวัตถุดิบหลายชนิดหลากหลาย หลากสีสัน ให้เป็นที่ถูกใจผู้ใช้ แฟชั่นเสื้อผ้าจะปรับเปลี่ยนไปตามฤดู เลือกซื้อตามตลาดพื้นเมือง โดยเฉพาะ ตลาดโทงแดมุน ในส่วนของเครื่องหนังไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ต กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด และอื่น ๆ ออกแบบตามแฟชั่นมีขายในราคาถูกเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว สามารถเลือกซื้อได้ที่ ถนนอิแทวอน ควรมีเพื่อนพาไปถึงแหล่งหรือร้านที่เชื่อถือได้ (ปัจจุบันนี้ราคาสินค้าเครื่องหนังเลียนแบบค่อนข้างราคาสูง เพราะผลิตจำนวนน้อย และหาซื้อได้ลำบากขึ้น)




เครื่องไฟฟ้า เกาหลี ถือเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ซึ่งผลิตขึ้นเองในประเทศ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ให้เลือกมากและหลายระดับราคา ที่ย่าน ยงซาน หรือ เทคโนมาร์ท ใน กรุงโซล (ไม่แนะนำให้ซื้อนัก เพราะราคาแพงกว่าที่ ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็อาจจะแพงกว่า)












รองเท้ากีฬาชั้นนำ เช่น รีบ๊อกซ์ ไนกี้ มิชิโนะ หาซื้อได้ถูกใน เกาหลี ไม้เทนนิสและอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ ตามร้านค้าที่มีป้ายเครื่องหมายถูกต้อง ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลอดภาษี แต่ถ้าเป็นถุงมือหรืออุปกรณ์กอล์ฟควรซื้อที่ถนนอิแทวิน (ซื้อของแท้ดีที่สุด ถ้าอยากได้เลียนแบบ สามารถซื้อได้ตามตลาดพื้นเมืองโทงแดมุน แต่ควรตรวจสอบคุณภาพดีๆ จะได้ทั้งของถูกและดี)






อัญมณีและเครื่องประดับ


อัญมณีที่มีชื่อเสียงของ เกาหลี หรือ เขี้ยวหนุมาน (Amethyst) และบุษราคัม (Smony Topaz) ซึ่งมีขายทั้งเม็ดร่วงและในรูปของเครื่องประดับต่างๆ เช่น ต่างหู สร้อยคอ แหวน และอื่นๆ ซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือโรงงานผู้ผลิต หรือ ดิวตี้ ฟรี




น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอางต่างประเทศ และเครื่องสำอางเฮร่า ควรซื้อที่ ดิวตี้ ฟรี เช่น ชิลล่า ของบริษัทซัมซุง เพราะจำได้ของใหม่ ไม่ค้างสต็อกและราคาที่ถูกกว่าที่ห้างมาก


สินค้าของที่ระลึกพื้นเมือง เช่น พวงกุญแจ แก้วน้ำ แก้วเหล้า ชุดน้ำชา กลอง ตุ๊กตา เกาหลี ช้อน ตะเกียบ ชามข้าว กระเป๋าสตางค์ ปากกา เป็นต้น ควรซื้อที่รถกะบะเล็กตามหน้าร้านอาหาร เพราะจะได้ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อที่อื่นๆ














ศูนย์รวมของพื้นบ้าน มีขนมท้องถิ่นหลากหลายรสชาติและรูปแบบ เช่น ทีอฟฟี่ หลากหลายรส ช็อคโก


แลตกลิ่นและรสต่างๆ แยมส้มสุขภาพเพื่อชงดื่ม ชาโสม เกาหลี สบู่โสม เกาหลี เยลลี่โสม สาหร่าย ผัดงา เกลือและน้ำตาล สาหร่ายปรุงรสคาลบี (วาซาบิ ไม้ไผ่ กิมจิ) ชิงราเมน กิมจิ รสยอดนิยม หมอนเพื่อสุขภาพใบเล็กใบใหญ่ เครื่องดื่ม เครื่องสำอางโสม ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมล้างหน้าโสม โคลนพอกหน้าโสม แผ่นมาร์กหน้า ไนท์ครีม เดย์ครีม เอ๊กเซ้นส์ เป็นต้น








ฤดูเกาหลี

ฤดูที่เกาหลี



มีทั้งหมด 4 ฤดูค่ะ

1. ฤดูร้อน(มิถุนายน - สิงหาคม) ในเดือนสิงหาคมอากาศจะร้อนจัดและชื่นมากค่ะ


2. ฤดูใบไม้ร่วง(กันยายน - พฤศจิกายน) อากาศจะแห้ง ท้องฟ้าโปร่ง จึงเป็นช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุดค่ะ อุ๋มแนะนำว่าเดือนตุลาคมจะดีที่สุดค่ะเพราะทิวทัศน์ทั่วประเทศจะมีสีสันสดใสด้วยใบไม้และดอกไม้ที่เปลี่ยนสีทองและสีแดงคะ


3. ฤดูหนาว(ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อากาศเย็นและแห้ง บางครั้งก็มีฝนและหิมะตกค่ะ


4. ฤดูใบไม้ผลิ(มีนาคม - พฤษภาคม) ต้นไม้จะผลิใบสะพรั่งเต็มต้น อากาศอบอุ่นพอดีไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปคะ






*เวลาที่เกาหลีจะเร็วกว่าไทย  2 ชั่วโมง
 
......................................................................................
..เที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี อันนี้ถามกันมาเยอะ ให้ข้อมูลคร่าวๆนะคะ..
 
 
หิมะในฤดูหนาว ช่วงระหว่าง 15/11 - 20/03


-5 องศา ถึง -10 องศา(บางครั้งหนาวสุดได้ถึง -17C') สถานที่แนะนำ โซล > เกาะนามิ > สวนจุงโด > ฮันฮวา >วอเตอร์เพีย > ยงเพียง สกีรีสอร์ท



สัมผัสดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงระหว่าง 15/03 - 15/05

9 องศา ถึง 20 องศา

สถานที่แนะนำ ล๊อตเต้ เวิล์ด , โซล แลนด์ , เกาะยออีโด , สวนนัมซาน . ที่เคียงจู เป็น โพมุน รีสอร์ท , เกาะเชจู



ชอปปิ้งแสนสนุกในฤดูร้อน ช่วง ก.ค.-กันยา

23องศา ถึง 31 องศา

เทศกาลสำคัญ เทศกาลพอกโคลนที่โพเรียง สถานที่แนะนำ ชอปปิ้ง ทงแดมุน, นัมแดมุน,อิแทวอน,เมียงดง



สัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงระหว่าง 15/10 - 5/11

12 องศา ถึง 20 องศา

สถานที่แนะนำ โซล >สวนนัมซาน>ชายหาดฮวาจินโป>ซอรักซาน>ทุ่งหญ้าแทวันเรียง>โรงเรียนร้านเซรามิก